บอกลารอยตีนกา เพื่อผิวพรรณที่อ่อนวัย
ตีนกาเกิดจากผิวที่เสื่อมสภาพลงตามวัย เพราะการหดตัวของกล้ามเนื้อขณะแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ทางใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม หัวเราะ หรือเครียด จะทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ ค่อย ๆ ลึกลงและมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจส่งผลให้ขาดความมั่นใจเมื่อต้องพบปะหรือพูดคุยกับผู้อื่น แต่รู้หรือไม่ว่า ในปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษาตีนกาและริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้ามากมาย แต่การรักษาตีนกานั้นต้องขึ้นอยู่กับระดับความลึกของริ้วรอย และอาจต้องใช้วิธีการรักษามากกว่า 1 อย่างเพื่อผลลัพธ์ที่ดี ดังนี้
ทาครีมลดริ้วรอย
มักนิยมนำครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์อย่างเตรติโนอิน (Tretinoin) มาใช้ในการลดเลือนริ้วรอย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้มีการผลัดผิวใหม่ ซึ่งมักจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นใน 24 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การทาครีมที่มีเรตินอยด์เป็นส่วนประกอบจะช่วยลดริ้วรอยร่องตื้นเท่านั้น แต่ไม่สามารถลดริ้วรอยลึกได้
ฉีดโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์สามารถลดรอยตีนกาและรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าที่เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่มีริ้วรอยผ่อนคลาย และช่วยป้องกันการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น ทั่วไปการฉีดโบท็อกซ์อาจมีประสิทธิภาพนานถึง 3 เดือน และมักไม่ส่งผลกระทบต่อการแสดงอารมณ์ทางสีหน้า เพราะการฉีดโบท็อกซ์เพื่อรักษารอยตีนกาจะทำให้ผิวหน้าบริเวณหางตาตึงขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์จะให้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยในช่วงอายุ 30-50 ปี แต่ไม่สามารถลดริ้วรอยลึกในผู้สูงอายุได้
ทำเลเซอร์
การยิงเลเซอร์เพื่อให้ผิวเกิดการลอก (Ablative Laser Resurfacing) เป็นการลอกผิวหนังชั้นบนออกไป เพื่อเผยผิวที่มีสุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์ การใช้เลเซอร์รักษารอยตีนกาเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพ เพราะความร้อนจากเลเซอร์จะกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณหางตาเรียบเนียนและตื้นขึ้น โดยหลังทำเลเซอร์อาจใช้เวลาพักฟื้นหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การทำเลเซอร์อาจไม่สามารถลดริ้วรอยอย่างตีนกาได้ 100 เปอร์เซ็นต์
ป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดตีนกา ?
- ปกป้องผิวจากแดด ด้วยการใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดด (SPF) ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปอย่างสม่ำเสมอ และควรใส่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ปกปิดผิวเพื่อป้องกันผิวคล้ำเสียจากแดดด้วย
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเลือกรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืช และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น แซลมอน ถั่ว น้ำมันมะกอก อะโวดาโค เป็นต้น และควรเลี่ยงการดื่มคาเฟอีน รับประทานอาหารแปรรูป และอาหารที่มีเกลือหรือน้ำตาลสูง
- ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายส่งผลดีต่อระบบไหลเวียนเลือด และช่วยกระตุ้นระบบน้ำเหลืองให้ร่างกายสามารถกำจัดสารพิษออกไปได้ ซึ่งช่วยทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดี
- ห้ามสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและยังกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า
- เลี่ยงการขมวดคิ้ว การขมวดคิ้วเป็นประจำจากการทำงาน การเพ่งมอง หรือการอ่านหนังสือ จะทำให้ริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาและหน้าผากลึกขึ้น ดังนั้น ควรใส่แว่นสายตาหรือซื้อหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อลดการใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตา