7 ผลไม้เพื่อสุขภาพดีในวันมีประจำเดือน

การกินผลไม้ชนิดและปริมาณที่เหมาะสมในช่วงมีประจำเดือน สามารถช่วยบรรเทาอาการปวด ลดความอ่อนเพลีย จัดการอารมณ์แปรปรวน และลดการบวมน้ำได้ เพราะในช่วงนี้ร่างกายต้องเผชิญกับการสูญเสียเลือด ฮอร์โมนที่ผันผวน และความต้องการสารอาหารบางชนิดที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ วันนี้เราจึงรวบรวม 7 ผลไม้ที่ควรกินในวันที่มีประจำเดือน

กล้วยหอม

กล้วยหอม อุดมไปด้วยโพแทสเซียม แมกนีเซียม และวิตามินบี 6 ช่วยลดอาการบวมน้ำและบรรเทาอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังช่วยปรับอารมณ์ให้คงที่ด้วยการกระตุ้นการสร้างเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข แนะนำให้กินตอนเช้าหรือระหว่างมื้อ เพื่อป้องกันการหิวบ่อยและคงพลังงานให้พร้อมตลอดวัน

ส้ม

ส้ม ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูงและฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดความเหนื่อยล้า และทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารอื่นได้ดียิ่งขึ้น เคล็ดลับคือควรกินทั้งกลีบแทนการดื่มแต่น้ำส้ม เพื่อคงปริมาณไฟเบอร์และลดการได้รับน้ำตาลส่วนเกิน

แอปเปิล

แอปเปิล ดมด้วยไฟเบอร์เพกตินและวิตามินซี ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ลดความอยากของหวาน และส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้น เคล็ดลับคือควรกินพร้อมเปลือกหากล้างสะอาดแล้ว เพื่อให้ได้ไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น

บลูเบอร์รี

บลูเบอร์รี อุดมไปด้วยแอนโทไซยานิน วิตามินซี และแมงกานีส ช่วยลดการอักเสบภายในร่างกาย บรรเทาอาการปวดประจำเดือน และช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง เคล็ดลับคือผสมบลูเบอร์รีในโยเกิร์ตหรือข้าวโอ๊ต เพื่อเพิ่มโปรตีนและไฟเบอร์ให้มื้อนั้นทั้งอร่อยและมีคุณค่ามากขึ้น

แตงโม

แตงโม มีน้ำมากกว่า 90% และอุดมด้วยไลโคปีน ช่วยเติมน้ำให้ร่างกาย ลดอาการบวมน้ำ และบรรเทาความร้อนภายในร่างกาย เคล็ดลับคือหั่นแตงโมเป็นชิ้นเล็ก ๆ แช่เย็นไว้ กินเป็นของว่างแทนขนมหวานเย็นที่มีน้ำตาลสูง เพื่อความสดชื่นและดีต่อสุขภาพ

กีวี

กีวี อุดมด้วยวิตามินซี โพแทสเซียม และไฟเบอร์ ช่วยลดอาการท้องผูก เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น เคล็ดลับคือควรกินทั้งเนื้อและเมล็ดเล็ก ๆ เพื่อให้ได้ไฟเบอร์ครบถ้วนและสารอาหารเต็มประสิทธิภาพ

ทับทิม

ทับทิม อุดมด้วยธาตุเหล็ก โพลีฟีนอล และวิตามินเค ช่วยชดเชยธาตุเหล็กที่สูญเสียไประหว่างมีประจำเดือน บำรุงเลือด ลดการอักเสบ และทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส เคล็ดลับคือควรกินเมล็ดสดหรือดื่มน้ำทับทิมคั้นสดแบบไม่เติมน้ำตาล เพื่อให้ได้สารอาหารเต็มประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงน้ำตาลส่วนเกิน

แหล่งที่มา : www.sanook.com