บทบาทสำคัญของวิตามินซี บทบาทสำคัญของวิตามินซี

วิตามินซี มีบทบาทอย่างไร

วิตามินซี มีบทบาทอย่างไร

วิตามินซี หรือที่รู้จักกันดีในอีกชื่อคือ กรดแอสคอบิก (ascorbic acid) ที่้เป็นวิตามินซีที่ละลายในน้ำได้ มีความจำเป็นต่อการเจริญและพัฒนาของเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมไปถึงมนุษย์ไม่สามารถสร้างวิตามินซีขึ้นได้เอง แต่จะได้รับวิตามินซีจากอาหารที่รับประทานเข้าไป

บทบาทสำคัญของวิตามินซี
บทบาทสำคัญของวิตามินซี

บทบาทสำคัญของวิตามินซีมีหลายอย่าง เช่น

  • เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในโครงสร้างของหลอดเลือด เอ็น กระดูก และฟัน
  • เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์ ทำให้เซลล์อยู่ในสภาวะปกติ
  • ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแร่ธาตุจากอาหารได้ดียิ่งขึ้น
  • มีส่วนช่วยในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทจำพวก norepinephrine ซึ่งสารสื่อประสาทดังกล่าว มีส่วนช่วยทำให้มองเห็น รับรู้เกี่ยวกับอารมณ์
  • ช่วยในการสังเคราะห์ carnitine  ที่เป็นสารโมเลกุลขนาดเล็กมีส่วนช่วยในการลำเลียง ไขมันที่ไมโทคอนเดรีย เพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังงานแก่ร่างกาย
  • มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการเทแทบอลิซึมของโคเลส โดยจะช่วยเปลี่ยน โคเลสเทอรอลให้เปลี่ยนเป็นกรดน้ำ ทำให้มีระดับโคเลสเทอรอลให้หลอดลดลงได้
  • เสริมภูมิต้านทานและช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ เนื่องจากว่าวิตามินซีมีคุณสมบัติช่วยต้านสารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้

อาหารที่จัดว่ามีวิตามินซีสูง

                อาหารจำพวกผักและผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ มะนาว กีวี พริกหยวก ผักกาดขาว หน่อไม้ฝรั่ง และบล็อคโคลี่  เป็นต้น เนื่องจากว่าวิตามินซี สลายได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับอากาศ แสง โลหะหรือความร้อน ดังนั้นส่วนใหญ่วิตามินซีที่อยู่ในอาหารจะสูญเสียไประหว่างขั้นตอนของการประกอบอาหาร นอกจากนี้การคั้นน้ำผลไม้ควรจะคั้นแล้วกินเลย ไม่ควรทิ้งไว้นานเกิน 2 วัน ถ้าเป็นไปได้ควรทานผักและผลไม้สด เพราะจะทำให้ได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากที่สุด

ปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเพศและวัย โดยเฉลี่ยแล้วไม่ควรทานวิตามินซีเกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน เพราะถ้าหากว่าร่างกายได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากเกินไป อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปวดท้อง ท้องร่วง หรือท้องอืดได้ แต่ในทางตรงกันข้ามหากร่างกายได้รับวิตามินซีน้อยเกินไป จะส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ เช่น ผมแห้ง ผิวแห้ง เหงือกอับเสบ อาการบวมตามข้อต่อ ภูมิต้านทานลดลง แผลหายช้ากว่าปกติ หรืออาจจะทำให้เป็นโรคลักปิดลักปิดได้

นอกจากจะได้รับวิตามินซีจากอาหารแล้ว คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับภาวะขาดวิตามินซี ก็สามารถทานวิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริมได้ ที่มีทั้งสกัดจากธรรมชาติและสังเคราะห์ขึ้น เนื่องวิตามินซีนั้นจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีถ้าหากมีการทำงานร่วมกับฟลาโวนอยด์ ที่สกัดได้จากพืช เช่น ชา แอปเปิ้ล กระเทียม หอมใหญ่ เป็นต้น เป็นสารที่ละลายในน้ำได้และยังมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดี  โดยส่วนมากบริษัทอาหารเสริมจึงนิยมเพิ่มส่วนผสมของ ฟลาโวนอยด์ ลงไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามก็ควรบริโภควิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสม จึงจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด