10 อาการที่บอกว่าคุณกำลังแบกความเครียดไว้มากเกินไป
เวลาเราเครียด ร่างกายมักส่งสัญญาณเตือนก่อนที่สมองจะรู้ตัวเสมอ แต่หลายครั้งเราแค่ “มองข้าม” ไปเฉย ๆ ลองมาเช็กกันดีกว่าว่า 10 สัญญาณง่าย ๆ เหล่านี้ กำลังบอกว่าคุณกำลังกลายเป็นนางแบก หรือ นายแบก ความเครียดเอาไว้หนักเกินไปหรือเปล่า

ปวดหัวเรื้อรัง
ปวดหัวแบบตื้อ ๆ ที่ขมับหรือท้ายทอย อาจไม่ใช่ไมเกรนเสมอไป แต่เป็นอาการ Tension Headache หรือ “ปวดหัวจากความเครียดสะสม” ได้เหมือนกัน คำว่า Tension หมายถึง “ความตึงตัว” ซึ่งก็ตรงกับอาการเลย คือปวดตึง ๆ ตื้อ ๆ เหมือนมีอะไรมากดทับ บางครั้งมักมาพร้อมกับความเครียด การนั่งทำงานนาน ๆ โดยไม่ขยับตัว หรือการเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่
นอนยาก หลับไม่สนิท
อีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลัง “เครียดเกินไป” ก็คือการนอนหลับไม่ปกติ เพราะเมื่อสมองยังทำงานไม่หยุด จะทำให้เกิดอาการนอนหลับยาก คิดวนซ้ำ ๆ ตื่นบ่อย ฝันแปลก หรือสะดุ้งตื่นกลางดึก (hypnic jerk) ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้คือสัญญาณว่าระบบประสาทยังไม่ยอมพัก แม้ร่างกายจะอยากนอนแล้วก็ตาม
ปวดเกร็งกล้ามเนื้อ
อีกหนึ่งสัญญาณความเครียดที่ร่างกายชอบส่งออกมาก็คือ อาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณ บ่า คอ ไหล่ ที่มักจะแข็งตึงเหมือนเป็นหิน ซึ่งพบได้บ่อยกับคนทำงานออฟฟิศหรือนั่งหน้าคอมนาน ๆ ความจริงแล้วอาการนี้ไม่ได้มาจาก Office Syndrome อย่างเดียว แต่เกิดจากสมองและระบบประสาทที่ทำงานหนักเกินไป ความเครียดจะไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดเกร็งค้างไว้โดยไม่รู้ตัว
ใจสั่น หายใจถี่
อีกหนึ่งสัญญาณร่างกายที่บอกว่าคุณกำลัง เครียดหนัก คืออาการ ใจสั่น หายใจถี่ เหมือนร่างกายกำลังตกอยู่ในสภาวะ “หนีเสือ” ทั้งที่จริง ๆ แค่นั่งอยู่หน้าคอมทำงาน ความเครียดไปกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก (Sympathetic Nervous System) ทำให้หัวใจเต้นแรงและถี่ขึ้น ร่างกายจึงเหมือนอยู่ในโหมดสู้หรือหนีตลอดเวลา ส่งผลให้หายใจไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย และรู้สึกเหมือนสมองตื้อ ๆ เพราะขาดออกซิเจนที่เพียงพอ
ระบบทางเดินอาหารแปรปรวน
ความเครียดไม่ได้กระทบแค่สมองหรือกล้ามเนื้อ แต่ยังส่งผลตรงต่อระบบทางเดินอาหารด้วย หลายคนอาจสังเกตว่าเวลาเครียดทีไรมักมีอาการ แน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้องสลับกับท้องเสีย หรือบางทีก็ท้องผูก ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นแบบบังเอิญ แต่เป็นเพราะความเครียดไปกระทบกับ Gut–Brain Axis หรือ “แกนสมอง–ลำไส้” ที่เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด
เหงื่อออกมาผิดปกติ
ทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อน แต่จู่ ๆ ฝ่ามือเปียก เหงื่อซึมเต็มแผ่นหลัง ไม่ใช่เพราะร่างกายอยากระบายความร้อน แต่เป็นสัญญาณว่าร่างกำลังระบายความเครียด ผ่านระบบประสาทอัตโนมัติ
ความดันโลหิตแกว่ง
บางคนแม้ไม่มีประวัติความดันสูง แต่พอวัดกลับเจอค่าพุ่งสูงผิดปกติ หรือบางครั้งก็ลดต่ำเกินไป ทั้งหมดนี้อาจเป็นผลมาจากความเครียดที่ไปกระตุ้นระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้น หลอดเลือดหดตัว เลือดสูบฉีดแรง ความดันเลยแกว่งไปมา
ผิวพรรณมีปัญหา
ความเครียดไม่ได้กระทบแค่สมองและร่างกายภายใน แต่ยังสะท้อนออกมาที่ผิวพรรณ หลายคนอาจเจอปัญหาสิวขึ้นง่าย ผื่นลมพิษคัน ผิวแห้งลอก หรือผิวอักเสบไม่รู้สาเหตุ จริง ๆ แล้วนี่เป็นผลจากฮอร์โมนคอร์ติซอลที่หลั่งออกมามากเกินไปเวลาร่างกายเครียด มันจะไปกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทำให้ผิวอ่อนแอ เกิดสิวและการระคายเคืองง่ายขึ้น
มือสั่น หรือตากระตุก
อาการเล็ก ๆ อย่าง ตากระตุก เขม่น หรือมือสั่น หลายคนอาจมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วนี่คือสัญญาณว่าระบบประสาทของเรากำลังอยู่ในโหมด Overdrive หรือทำงานหนักเกินไป ความเครียดสะสมทำให้สมองและระบบประสาทถูกกระตุ้นตลอดเวลา ร่างกายเลยส่งสัญญาณเตือนออกมาทางกล้ามเนื้อเล็ก ๆ เช่น การกระตุก หรือการสั่น
อ่อนเพลียเรื้อรัง
อีกหนึ่งสัญญาณร่างกายที่บอกว่าคุณกำลังเครียดเกินไปคือ ความอ่อนเพลียเรื้อรัง ทั้งที่นอนครบ 6–8 ชั่วโมง แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็ยังรู้สึกหมดแรง ไม่สดชื่น ไม่อยากลุกไปทำอะไร นี่อาจไม่ใช่เพราะร่างกายอ่อนแอ แต่เป็น ภาวะ Burnout ที่ความเครียดสะสมได้กัดกินพลังงานของคุณไปทีละนิด ส่งผลให้ระบบประสาทและฮอร์โมนเพี้ยนไปจนร่างกายไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่
แหล่งที่มา : health.kapook.com